วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ยุทธการห้วยทราย ปากช่อง อัตตะปือ ปากเซ ในราชอาณาจักรลาว โดย ถาวร วรรณโชติ

  ยุทธการห้วยทราย ปากช่อง อัตตะปือ ปากเซ ในราชอาณาจักรลาว  โดย ถาวร วรรณโชติ

พัน บี.ซี.๖๐๑ และ พัน บี.ซี. ๖๐๒ ตั้งฐานอยู่ที่ บ้านห้วยทราย แขวงอัตตะปือ ราชอาณาจักรลาว
(-BC คือ  BATTALION COMMANDO กองพันกองโจรพิเศษเป็นการจัดหน่วยรบพิเศษของฝ่ายกลาง,
-ทส. ทหารเสือพราน-)
   วัน ที่ ๘ มกราคม ๒๕๐๔ เวลาตี ๒ ผู้เขียนเข้าเวรอยู่ที่ บก.ร้อย ๒ คู่กับ วิมล พจนสัจ พลยิง ค.จ.ต.ถ (-เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง-).กำลังจะออกเวร เพราะเข้าเวรเที่ยงคืน รอเปลี่ยนเวรอยู่ วิมลบอกหิวข้าวพร้อมพูดว่า "หน้าแนวเงียบฉิบหายเลย สงสัยทหารหน้าแนวหลับหมดแล้ว" แล้วก็เดินตามไปในโรงครัวของ บก.ร้อย ๒ ทางขวามือผู้เขียน ได้ยินเสียงวิมล บ่นว่า "ข้าวเย็นฉิบหายเลยว่ะ" เท่านั้นแหละเสียงดับปุ๊กหน้าแนวเฉียงขวา ๑๐ องศาไฟสว่าง เห็นซัปเปอร์ข้าศึก ๑ นาย นุ่งกางเกงลิงตัวเดียวกำลังคลานไปที่ธารน้ำ วิมล แหกปากตะโกน "พ่อมึงมาแล้วตื่นโว้ย" พอผู้เขียนบอกวิมลไปเสียง เอ็ม.๑๖ หน้าแนวยิงไป ๓ นัด ติดๆ กัน จะถูกข้าศึกหรือไม่ๆ ทราบ แต่เห็นข้าศึกตกลงไปข้างธารน้ำไหล เสียงปืนยิงกันสนั่นหวั่นไหว ตลอดหน้าแนวด้านทิศใต้ จากตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของพัน ๒ จดตะวันออกอันเป็นที่ตั้งของพัน ๑ เสียงระเบิดเอ็ม.๒๖ ดัง บึ้มๆๆๆๆ และเสียง ค. (-เครื่องยิงลูกระเบิด-) ข้าศึกยิงถล่มฐานทั้งพัน ๑  และพัน  ๒
   ผู้เขียนยืนดูหน้าแนวที่ บก.ร้อย ๒ เป็นเนินสูงตรวจการณ์หน้าแนวเห็นหมดทั้งซ้าย-ขวาหน้าแนว มองดูเพลินๆ เหลียวมองไปทางขวาเห็น ผบ.พัน ๑ คำคม เดินมา โทรศัพท์สนามดังขึ้น ผบ.พัน ๑ รับสาย เสร็จแล้วพูด "วร" มานี่ พร้อมส่งหูโทรศัพท์สนามให้ผู้เขียนพร้อมสั่ง "คุมยิงอาวุธหนัก"
   ผู้ เขียนรับหูโทรศัพท์งงๆ พร้อมพูดถามทางโทรศัพท์ว่า "มี ค.ทั้งหมดกี่กระบอก" ผบ.อวน. (- อาวุธหนัก-)ตอบมา ๖ กระบอกครับ ผู้เขียนถามว่า หน้าแนวยิงชิดสุดได้กี่เมตร ผบ.อวน.ตอบ ๒๐๐ เมตรครับ ผู้เขียนสั่งแบ่ง ค.ออกเป็น ๓ ส่วน ได้ยิน ผบ.อวน.สั่งการ พร้อมพูดว่า  " พร้อมแล้วครับ " ผู้เขียนสั่งตั้งระยะ ๒๐๐ เมตร ๔๐๐ เมตร และ ๑,๐๐๐ เมตร เสียง ผบ.อวน.สั่งตั้งระยะเสร็จ พร้อมตอบว่า พร้อมยิงครับ ผู้เขียนสั่งยิงแบบสลับฟันปลา (ไซเวย์) "ยิง" เท่านั้น ค.ยิงถล่มหน้าแนว พักใหญ่ ผบ.อวน.ถามมา "หยุดยิงได้หรือยังครับ ผู้เขียนสั่ง "หยุดยิง" พร้อมขอ ค.ส่องแสงตรวจหน้าแนว เป็นระยะๆๆ
   ผู้เขียนสันนิษฐานว่า หน้าแนว ๒๐๐ เมตร ๓๐๐ เมตร เอ็ม.๗๙ ยิงถึง จึงปรับระยะใหม่เป็น ๔๐๐ เมตร ๖๐๐ เมตร และ ๑,๐๐๐ เมตร คงไว้ตามเดิม พร้อมสั่งยิงสลับกันไปกับกระสุนส่องแสง
   เสียงปืนกลอากาศยิง พรืดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่สามารถบินเข้าฐานได้ คงเลาะบินอยู่ห่างๆ ฐาน เพราะผ่ายเราและฝ่ายข้าศึกยิง ค.ต่อกรกันอยู่ ฮิลท๊อป ได้จ่ายสปอทไลท์วางรอบหน้าแนวเพื่อให้เครื่องบินสปุ๊กกี้มองเห็นแนวของฐาน โดยรอบ เพื่อทำการยิงสกัดนอกฐานได้สะดวกพร้อมทิ้งร่มส่องแสงให้ทหารหน้าแนวได้ตรวจ การดูการเคลื่อนไหวของข้าศึก
   ข้าศึกได้โหมทางด้านหมวด ๓ ร้อย ๒ พัน ๑ หนักมาก เพราะตรงข้ามเป็นป่าทึบ ผบ.มว.(-ผู้บังคับหมวด-)พินิจ แก้วนาค (หมวดตุ้ม) ต้องถอดสลักระเบิดมืดเอ็ม. ๒๖ จากในเบิมส่งให้สิบตรีสี สุขเกษม ซึ่งยืนขว้างระเบิดมืออยู่บนหลังคาเบิม ผู้เขียนเห็นถนัด จึงยับยั้งข้าศึกไว้ได้ หมวดตุ้มได้ ว.(-วิทยุ-) ขอให้ บก.ร้อย ๒ ส่งพลยิง ค.จ.ต.ถ.ไปยิงไม้ซุงใหญ่ซึ่งนอกขวางหน้าแนวเป็นทางแนวเฉียง ๑๐ องศาซ้ายมือ ซึ่งข้าศึกใช้เป็นที่หลบกำบังตัวต่อสู้กับพวกเราอยู่ บก.ร้อย ๒ ส่ง ส.ต.วิมล พจนสัจ พลยิง ค.จ.ต.ถ.ไปยังซุงไม้ใหญ่พลิกคว่ำทับข้าศึกตายไปหลายคน แต่ข้าศึกก็ยังเข้ามาทางด้านนี้อีกไม่รู้จักหมด เพราะกำลังพลข้าศึกซุ่มอยู่ในป่าใหญ่ กระสุนส่องแสงจาก ค.๘๑ และ ร่มตะเกียงจากสปุ๊กกี้ก็มองไม่เห็น
   ข้าศึกได้โหมกำลังหนักเข้าตี ๒ ระลอก เพราะเข้าใจว่า เราส่งสัญญาณถอนกำลัง แต่ปรากฏว่าอาวุธหนักข้าศึกยิงถล่มโดนลังทิฟแฟร์ของ พัน 2 ที่กองไว้ข้างอาวุธหนัก ไฟลุกท่วม ข้าศึกคิดว่าฝ่ายเราส่งสัญญาณถอนตัว จึงส่งกำลังโถมเข้ามา แต่ก็ถูกทหารหน้าแนวฝ่ายเรายิงยับยั้งไว้ได้ทั้ง ๒ ครั้ง
   ข้าศึกได้หยุดยิงไปสักพักใหญ่ เข้าใจว่า เรียกระดับ ผบ.มว.ไปวางแผนเข้าตีใหม่ ผบ.พัน ๑ สั่งให้เตรียมรับการบุกครั้งใหญ่ของข้าศึก อย่าได้ประมาท อีทีนี้ ข้าศึกใช้ตอปิโดบกทำจากลำไม้ไผ่ใหญ่ สอดเข้ามาในรั้วลวดหนามพร้อมจุดชนวนระเบิดพร้อมๆ กับทางแนวทิศใต้ทั้ง พัน ๑ และ พัน ๒ พร้อมโถมกำลังบุกเข้ามา แต่ก็ถูกทหารฝ่ายเราทั้ง พัน ๑ และ พัน ๒ ยิงร่วงเป็นใบไม้ตายคารวดหนาม
   จวบจนฟ้ารุ้งสางของวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๑๔ คำคม ผบ.พัน ๑ สั่งเตรียมกวาดล้างหน้าแนวเป็นหน้ากระดานเรียงหนึ่งระยะทาง ๑ กิโลเมตร แต่ก่อนออกกวาดล้าง เครื่องบิน เอฟ.๑๐๕ ได้บินมาถล่มหน้าแนวทิศใต้ของฐานห้วยทรายและป่าทึบหน้าหมวด ๓ ร้อย ๒ พัน ๑ ถึง ๓ เที่ยวบิน
   จึงนำทหารออกกวาดล้าง โดยใช้ปืน เอ็ม.๑๖ อาวุธประจำกาย และปืนกลเบายิงเปิดทาง ผู้เขียนยังไปพบเก้งตัวหนึ่งมานอนอยู่ได้อย่างไร เพราะเขารบกันตั้งครึ่งคืน
ผู้ เขียนสันนิษฐานว่า เก้งตัวนี้คงวิ่งออกมาจากป่าทึบ เพราะข้าศึกหลบเข้าไปในป่า พบ บก.(-กองบัญชาการ-)ข้าศึกตั้งอยู่ ๑ กิโลเมตร เป็นแอ่งกะทะแห้งไม่มีน้ำ เป็นกองบัญชาการสั่งการ มีหม้อดำและหวดนึ่งข้าวกองอยู่ด้วย มีสายโทรศัพท์สนามทิ้งอยู่เป็นหางตัวที่แบบตัวพิมพ์ใหญ่ โดยใช้เคาะตี ซีดับเบิ้ลยู สั่งการสายโทรศัพท์วางเป็นรูปตัวทีแบบพิมพ์ใหญ่ ทิ้งสายอยู่พร้อมทหารที่ตายโดยผูกคีเคาะไว้ที่โคนขาข้างขวา เคาะโต้ตอบระหว่างหน้าแนวกับกองบัญชาการ ผบ.กรมที่ ๓๙ เวียดนามเหนือ ที่รู้เพราะสอบถามจากเชลยศึกที่จับเป็นหน้าแนวได้ ๓ นาย เป็นกำลังรบที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเวียดนามใต้, เขมร และลาวตอนใต้มาก รบมาไม่เคยแพ้ใครแต่ต้องมาละลายไปตายเกือบหมดกรม
ผล ผบ. (-ผู้บัญชาการ-)กรมที่ ๓๙ และนายทหารเวียดนามเหนือที่รอดตายไป ต้องไปขึ้นศาลทหารฐานทำกำลังไปตายเกือบหมด
พัน.บี.ซี. ๖๐๑ ปลอดภัย พัน บี.ซี.๖๐๒ เสียกำลังพลไป ๑ นาย ฝ่ายข้าศึกนับศพที่เก็บได้ ๑๓๑ ศพ หลังจากนั้น หน.เทพ ผบ.๓๓๓ ได้เขียนหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรมายังฐานห้วยทราย ปรับเงินเดือน พลทหารได้ ๑,๕๐๐ บาท/เดือน นายสิบ ๒,๐๐๐ บาท/เดือน จ่า ๒,๕๐๐ บาท/เดือน นายทหาร ๓,๐๐๐ บาท/เดือน เบี้ยเลี้ยงสนามวันละ ๒๐ บาท ตัดค่าอาหารเท่าเดิมวันละ ๑๕ บาท/นาย ตายได้ ๑๐๐,๐๐๐ บาท โบนัทปีละ ๘,๐๐๐ บาท/คน ตอนต่อไปตีฐานจรวดล่องแจ้ง ๔๐ วัน ๓ มี.ค. - ๑๓ เม.ย.๑๕๑๔
หลังจากนั้นยังได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับบัญชาสูงสุดในเวลาต่อมา

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความเป็นมา

สืบเนื่องจาก เมื่อ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๓   ผมได้สูญเสียคุณพ่อไป   ท่านอายุได้ ๗๑ ปี  ตอนที่จัดงานศพให้ท่าน  ต้องจัดทำหนังสือเป็นอนุสรณ์  ผมอยากได้ประวัติของท่านตอนที่ไปรบที่ประเทศลาว  ไม่สามารถหารายละเอียดได้มากนัก  เพราะคุณพ่อไปรบที่ประเทศลาวตอนนั้นผมอายุประมาณ  ๒  ขวบ พ.ศ.๒๕๑๔  ท่านเป็นทหารเสือพราน  ท่านเล่าให้ฟังว่าเคยไปฝึกที่ค่ายฝึกน้ำพอง  แล้วก็ไปประจำการที่ประเทศลาว  ไม่ทราบว่าสมรภูมิใด    เพื่อนท่านที่เคยไปรบด้วยกันแต่คนละสมรภูมิบอกว่าท่านไปล่องแจ้ง   ปากเซ    ผมก็ลองไปค้นในอินเตอร์เน็ต  ก็พบว่าการไปรบประเทศลาว ในนาม "ทหารเสือพราน"
เป็นสงครามลับ  จึงไม่มีการบันทึกไว้มากนัก  และประวัติศาสตร์มีชีวิต(ทหารเสือพรานที่ยังมีชีวิตอยู่) ก็เหลือน้อย  ฝากไปถึงลูกหลานทหารเสือพรานทุกท่าน  ถ้าท่านอยากรู้อะไรเกี่ยวกับสงครามลาว ก็สอบถามจากทหารเสือพราน  ก่อนที่จะสายไปเหมือนตัวผม  เพราะีวีรกรรมที่ท่านทหารเสือพรานได้สร้างไว้  ไม่มีการบันทึกไว้อย่างเป็นทางการและสมรภูมิกว้างมาก  และช่วยประชาสัมพันธ์ วีรกรรมทหารเสือพรานให้โลกรับทราบว่า เขาไม่ใช่เป็นเพียงนักรบรับจ้างอย่างที่เข้าใจกัน  แต่่เป็นนักรบชาติไทยไปรบนอกประเทศตามทฤษฎี "โดมิโน"  ถ้าหากประเทศลาว,กัมพูชา เป็นคอมมิวนิสต์ แล้วไทยจะเหลืออะไร  สุดท้ายขอดวงวิญญาณ ของทหารเสือพรานทหารกล้า  ขอจงไปสู่สุคติในสัมปรายภพเถิด